
เอชไอวี ย่อมาจาก Human Immunodeficiency Virus เป็นไวรัสสาเหตุของ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคเอดส์ ในปีพ.ศ. 2552 ยูเอ็นเอดส์ได้สำรวจพบว่า มีประชากรมากกว่าครึ่งล้านในประเทศไทยที่มีเชื้อเอชไอวี และ 28,000 คนที่เสียชีวิตจากโรคเอดส์ เชื้อเอชไอวี คือไวรัสที่เข้าไปทำลายเซลส์เม็ดเลือดที่จำเป็นของร่างกายในการเป็นปราการต่อสู้กับโรคต่างๆ (หรือที่เรียกว่า ซีดีสี่ CD4) ทำให้ระบบภูมิต้านทานล้มเหลว และทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อน
เชื้อเอชไอวี สามารถติดต่อได้
- ทางเลือด อสุจิ สารคัดหลั่ง หรือน้ำนม
- การมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อเอชไอวีโดยขาดการป้องกัน อย่างไรก็ดี อัตราความเสี่ยงของการติดเชื้อจะมีสูงขึ้นเมื่อ มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายนั้น ผู้รับจะมีความเสี่ยงสูงกว่า
- การมีเพศสัมพันธ์เสรี หรือการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แทรกซ้อนอยู่ด้วย จะทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากกว่า นอกจากนี้ ออรัลเซ็กซ์ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน แต่จะน้อยการมีเพศสัมพันธ์โดยตรง
- การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด
- การติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ซื่งเป็นการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์ การให้กำเนิด และการให้น้ำนมลูก
การตรวจเลือด คือวิธีการหาเชื้อเอชไอวีในร่างกาย ซึ่งเมื่อตรวจพบแล้ว จะมีค่าเป็นเลือดบวก แม้ว่าทุกวันนี้ จะยังไม่มีการรักษาให้เชื้อเอชไอวีหมดไปได้ แต่ว่าเราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างยืนยาว เช่นเดียวกับคนที่ไม่มีเชื้อ ด้วยการรับประทานยาต้านไวรัส และดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง
“ถ้ารู้เร็ว ก็รักษาได้เร็ว” การตรวจและรักษาอย่างเนิ่นๆ นั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดูแลร่างกายและชีวิต.
เอดส์ คืออะไร
เอดส์ (AIDS) ย่อมาจาก Acquired Immune Deficiency Syndrome คือ กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นเพราะร่างกายได้รับเชื้อไวรัส เอชไอวี ซึ่งไวรัสจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวของร่างกาย ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิด ซีดี 4 ลดน้อยลง จึงง่ายต่อการที่จะถูกเชื้อโรคต่างๆ โจมตี เพราะภูมิต้านทานน้อยลง ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ
ในกรณีที่ได้รับเชื้อเอชไอวีแล้ว ร่างกายของเราจะพยายามต่อสู้กับเชื้อนั้น ด้วยการสร้างแอนติบอดีขึ้นมา ดังนั้น การตรวจเลือดคือการหาแอนติบอดีเหล่านั้นในเลือด และถ้าเรามีนั่นก็คือ เราได้รับเชื้อเอชไอวีแล้ว หรือที่เราเรียกว่า มีเลือดบวก (HIV-Positive) ทว่า คนที่สัมผัสเชื้อเอชไอวีก็ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องติดเชื้อเสมอไป ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อ ภมูิต้านทานของผู้สัมผัส และปัจจัยอื่นๆ ที่ยังไม่ทราบชัด
การมีเชื้อเอชไอวีในร่างกายนั้น ไม่ใช่การเป็นโรคเอดส์อย่างที่หลายคนเข้าใจ มีบุคคลมากมายที่มีเชื้อเอชไอวีแต่ยังแข็งแรงดี ทว่า เชื้อเหล่านี้จะค่อยๆ เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของเราให้เหลือน้อยลง จึงส่งผลให้เมื่อเชื้อไวรัส เชื้อรา และแบคทีเรียทั้งหลาย ก็สามารถมาทำให้เราเจ็บป่วยได้ หรือที่เราเรียกว่า เกิดโรคฉวยโอกาศนั่นเอง
แหล่งที่มา: www.aids.org