วิธีการ
การศึกษาในครั้งนี้เป็นการทดลองทางคลินิกแบบสุ่มและปกปิดสองชั้น (Randomized double-blind clinical trial) โดยมีผู้ป่วย 30 คนที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่แม้ระดับไวรัสจะถูกกดแล้ว แต่ยังมีภาวะล้มเหลวทางภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มเท่าๆ กัน กลุ่ม A ได้รับยาหลอก กลุ่มB ได้รับแคปซูลโปรไบโอติก 2 แคปซูลต่อวัน โดยมีจำนวนโคโลนี 10⁹ CFU ต่อแคปซูลซึ่งมีเชื้อจุลินทรีย์ 7 สายพันธุ์ หลังจาก 3 เดือน ได้ทำการตรวจสอบจำนวน CD4+ โดยวิธีโฟลไซโตเมทรี และหลังจากช่วงเวลาล้างยาหนึ่งเดือน ทำการทดลองสลับกันโดย ผู้เข้าร่วมที่เคยได้รับโปรไบโอติกได้รับยาหลอก และผู้เข้าร่วมที่เคยได้รับยาหลอกก็ได้รับโปรไบโอติกเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นพวกเขาได้รับการตรวจสอบจำนวน CD4+ 7 เดือนหลังจากเริ่มการศึกษา
ผลลัพธ์
ในกลุ่มแรก (A) การให้ยาหลอกส่งผลให้จำนวน CD4 ลดลงในช่วง 3 เดือนแรก (จาก 202.21 เป็น 181.79, ค่า p < .001) ซึ่งอาจเกิดจากลักษณะการดำเนินของโรค หลังจากการให้โปรไบโอติก จำนวน CD4 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (จาก 181.79 เป็น 243.86, ค่า p < .001) โดยรวมแล้ว หลังจากการศึกษา 7 เดือน มีการเพิ่มขึ้นของค่าเฉลี่ย CD4 อย่างมีนัยสำคัญจาก 202.21 เป็น 243.86 (ค่า p < .001)
ในกลุ่มที่สอง (B) การให้โปรไบโอติกในช่วง 3 เดือนแรกของการศึกษา ส่งผลให้ค่าเฉลี่ย CD4 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (จาก 126.45 เป็น 175.73, ค่า p < .001) เมื่อหยุดให้โปรไบโอติกส่งผลให้จำนวน CD4 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (จาก 175.73 เป็น 138.9, ค่า p < .001) แต่โดยรวมแล้วจำนวน CD4 เมื่อสิ้นสุดการศึกษายังคงสูงกว่าระดับเริ่มต้นอย่างมีนัยสำคัญ (ค่า p < .001)
สรุปผลการศึกษา
การใช้โปรไบโอติกเพื่อป้องกันและบรรเทาอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารและปรับปรุงภูมิคุ้มกันของเนื้อเยื่อเกี่ยวข้องกับลำไส้ในผู้ติดเชื้อ HIV โดยการปรับฟังก์ชันของเกราะป้องกันเยื่อบุผิวและองค์ประกอบของ Microbiota สามารถนำไปสู่การเพิ่มจำนวนเซลล์ CD4+ ในผู้ป่วย HIV ที่มีความล้มเหลวทางภูมิคุ้มกัน การให้โปรไบโอติกทุกวันในขนาดที่เหมาะสม (สองแคปซูลที่มีจำนวนโคโลนี 10⁹ CFU ในการศึกษาของเรา) แก่ผู้ป่วย HIV ที่ยากดเชื้อได้แต่ภูมิคุ้มกันยังต่ำ ส่งผลให้จำนวนเซลล์ CD4+ เพิ่มขึ้นชั่วคราว
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก
ประเภทหน่วยงาน ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคคลและหน่วยงานที่สนับสนุน ส่งเสริม การดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลหลากหลายทางเพศ ทั้งยังที่มีสัมพันธภาพที่ดี มีความเป็นมิตร ต่อบุคคลหลากหลายทางเพศ ณ ห้องประชุมชั้น 10 กระทรวงยุติธรรม นับเป็นความภาคภูมิใจของทีมเจ้าหน้าที่แคร์แมทเป็นอย่างยิ่ง
หญิงข้ามเพศ (เพศกำเนิดชาย)
– อายุ 18 ปีขึ้นไป
– เป็นผู้ติดเชื้อ HIV ที่รับประทายาต้านไวรัส มานานมากกว่า 6 เดือน
– VL < 400 copies
– ยินดีที่จะใช้ฮอร์โมนเอสทราไดออล เพื่อความเป็นหญิง
– สื่อสารภาษาไทยได้
กิจกรรม
– อาสาสมัครจะถูกแบ่งเป็นกลุ่มตามยาต้านไวรัสที่ทานอยู่
– จะได้รับฮอร์โมนเอสทราไดออล เริ่มต้นวันละ 1เม็ด(ปรับตามความปลอดภัยและความพึงพอใจของอาสาสมัคร)
– อาสาสมัครจะได้รับการติดตามประมาณ 6 ครั้งในระยะเวลา 1 ปี (รวมการคัดกรอง)
– มีการตรวจร่างกายโดยแพทย์ ตรวจเลือดดูความปลอดภัยและระดับยาเป็นระยะ
– ไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้รับค่าเสียเวลา+ค่าเดินทางครั้งละ 1500 บาท (ค่าเดินทางเพิ่มกรณีระยะทางไป/กลับเกิน 60 กม.)
สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน หากส่งต่ออาสามัครมาเพื่อคัดกรองจะได้รับค่าประสานงาน 200 บาท และหากอาสามัครผ่าการคัดกรองและสามารถเข้าร่วมโครงการได้จะได้รับค่าประสานงานเพิ่มอีก 500 บาท.